...

May 20, 2007

กระดาษแปลกหน้า


เฮียว่าเฮียคงบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่เอาข้อความพวกนี้ลงบล็อกตัวเอง…
เรื่องมันเริ่มต้นอย่างสุดแสนธรรมดา เมื่อเฮียเกิดโรคจิต ทุรนทุราย เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาปกติของตัวเองกับเพื่อนร่วมงานได้ จนทำให้ต้องดิ้นรนหาซื้อหนังสือมาสื่อสารกับตัวเองอาทิตย์ละไม่ต่ำกว่าหนึ่งเล่มทั้งๆ ที่จนกรอบ
และแล้ววันวันร้ายคืนร้าย เฮียก็พบว่ามีกระดาษแปลกปลอมแทรกอยู่ที่หน้าแรกของหนังสือที่ตัวเองเพิ่งซื้อมา..........







"พอจะมีหนังสือเกี่ยวกับสวีเดนบ้างมั้ยคะ?" ใครคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ขณะที่ผมกำลังรับธนบัตรสีแดงสี่ห้าใบผ่านลงเครื่องเก็บเงินด้านหน้า เพื่อเป็นค่าหนังสือขนาดกะทัดรัดสองสามเล่มที่ถูกเลือกแล้ว
เธอเป็นผู้หญิงผอมเอามากๆ และค่อนข้างจะสูงเมื่อเทียบกับความสูงของผม เดาเอาว่าน่าจะประมาณร้อยหกสิบห้า ไม่ก็ร้อยหกสิบหก ไม่ขาดไม่เกินจากนั้น
นอกจากความสูงของเธอที่ผมพอจะคาดเดาเป็นเซนติเมตรได้แล้ว อย่างอื่นเกี่ยวกับตัวเธอที่ผมรู้ก็คือ เธอเป็นผู้หญิงในชุดสีดำ ถึงแม้จะไม่ดำทั้งชุด แต่ทุกครั้งที่ผมพบเธอ ทุกครั้งที่เธอมาเลือกซื้อหนังสือที่ร้านที่ผมทำงานอยู่ เธอปกปิดร่างกายท่อนบนด้วยเสื้อสีดำทุกครั้งไป (บางครั้งตัวผมเองก็นึกสงสัยว่าในตู้เสื้อผ้าของเธอจะมีเสื้อผ้าสีอื่นอยู่บ้างหรือไม่หนอ?) และก็ทุกครั้งอีกเช่นกันที่เธอมักจะได้หนังสือที่ผมพิถีพิถันบรรจงห่อปกเองติดมือกลับบ้านไป
ข้างๆ ร้านหนังสือมีร้านเล็กๆ ขายดอกไม้



ฉันเอื้อมไปไม่ถึง
สัมผัสมันไม่ได้
แต่อิริยาบทของดอกไม้
ก็ประทับใจไม่น้อยกว่าที่เคยประทับใจ
ฉันรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษออกไป
(ข้อความจาก สวยสดและงดงาม หนึ่งในหนังสือที่เธอเคยซื้อไป)



ข้างๆ ร้านหนังสือมีร้านเล็กๆ ขายดอกไม้
ผมเห็นเธอซื้อดอกกุหลาบไม่ก็ดอกเยอร์บีร่าสีสันสดใสติดมือไปด้วยทุกครั้ง (ดูเธอช่างมีความสุขล้นเหลือ ผมคิดว่าน่ะนะ)
ผมพูดคำว่า “ทุกครั้ง” บ่อยไปหรือเปล่าหนอ?
ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ มันมักจะมีอะไรๆ เกี่ยวกับคำว่า “ทุกครั้ง” ผุดขึ้นมาในหัวทุกครั้งไป ผมไม่รู้จะเรียกเธอว่าอะไรดี คุณจะเห็นด้วยกับผมไหมหากจะเรียกเธอว่า “คุณทุกครั้ง”หรือ “always girl”
ทุกๆ ครั้งที่เธอเปิดประตูร้านก้าวเข้ามา ผมชอบสังเกตสังกาเธออย่างเงียบๆ เสมอๆ เช่นกัน หากผมจะขนานนามเธอว่า always girl ผมเองก็อาจจะถูกเธอเรียกว่า always guy ได้โดยที่ผมไม่อาจจะโต้แย้งอันใดได้
เธอมาพบผม ไม่บ่อยนัก อาทิตย์ละครั้ง หรือบางอาทิตย์ผมก็ไม่ได้ข่าวคราวและเห็นหน้าเธอเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศหรือสายฝนกันแน่ที่ทำให้ผมต้องแอบเดินไปเดินมารอบตัวเธอขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตาเลือกหนังสือ
มีเหตุผลเป็นล้านที่สามารถอธิบายพฤติกรรมเหล่านี้ของผมได้ แต่ผมจะไม่ยอมรับมันทั้งหมดหรอกนะจะบอกให้
"พอจะมีหนังสือเกี่ยวกับสวีเดนบ้างมั้ยคะ?" เธอเอ่ยถามขึ้น ขณะที่ผมกำลังรับธนบัตรสีแดงสี่ห้าใบผ่านลงเครื่องเก็บเงินด้านหน้า เพื่อเป็นค่าหนังสือขนาดกะทัดรัดสองสามเล่มที่เธอเลือก (ก่อนที่เธอจะเดินออกไปซื้อดอกไม้ร้านข้างๆ เช่นทุกครั้ง)
ผมยิ้มและรีบเสิร์ซหาข้อมูลจากจอเครื่องมือที่ผมคุ้นเคย
“ไม่มีเลยครับ” ผมตอบและยิ้มอีกครั้ง
และก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา ผมก็ชิงแสดงความใส่ใจตามหน้าที่อันพึงกระทำทันที
ครับ ผมขอให้เธอจดชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของเธอลงไปในกระดาษโน้ตของผม เพื่อที่ว่าผมจะได้สามารถโทรกลับหาเธอได้ทันทีที่ตรวจสอบพบว่ามีหนังสือเกี่ยวกับสวีเดนเข้ามาในร้าน!
ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะยังหาหนังสือที่เธอต้องการอ่านไม่ได้ แต่ผมก็มั่นใจว่าในวันที่หนังสือนั้น วางแปะลงบนชั้นในร้านแห่งนี้ ผมจะรีบโทรบอกเธอ...






ให้ตายเถอะว่ะ
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง!!!!




3 Comments:

Anonymous Anonymous said...

ให้ตายเหอะ อย่าบ้าให้มันมากนัก -*- ชั้นเป็นห่วงแกนะเว้ย เป็นห่วงมากๆ คิดถึงด้วย แกสำคัญเสมอ ถ้าพี่อาร์ทเป็นคนที่อยู่ข้างหลังตลอดเวลา แกคือคนที่อยู่ข้างๆ ตลอดมา ส่วนไอ้พี่ตอง..... มันคือ... คือ... คือไรดีวะ ช่างเหอะ

รักนะเว้ย อย่าคิดมาก มีไรก็โทรมาได้ แต่เราไม่มีตังค์โทรหานะ

Wed May 30, 01:55:00 pm  
Anonymous Anonymous said...

ฉันตามเส้นทางแห่งการขีดเขียนของฉัน
มาจนถึง ณ ที่นี่

ยินดีที่ได้รู้จัก
จะคอยตามอ่านครับ

ด้วยจิตคารวะ

Thu Jun 28, 12:07:00 am  
Blogger verdiinpink said...

เอ่อ แต่งหนังสือเห้อะ

Thu Jun 28, 09:02:00 pm  

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home