...

January 30, 2007

เฮียร้อยเรื่อง : เห็ดสด


เนื่องจากคราวที่แล้วมีคนถามเฮียว่า “เห็ดสด” แปลว่าอะไร
เฮียเป็นคนขี้อาย ไม่รู้จะอธิบายศัพท์ระดับชาติเช่นนี้ได้เยี่ยงไร
แต่ในเมื่อมีคนสงสัย เฮียจะเล่านิทานให้ฟัง....
.
.
.
.
.
.
.

ในยุคที่ผู้คนยังคงเชื่อถือตำรายาผีบอก ใครใครก็รู้ว่า ‘ยี่สุ่น’ เป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้ ทุกคำที่ออกมาจากปากล้วนแล้วแต่ตะลบตะแลงหาความจริงไม่มี ความดีข้อเดียวที่ยี่สุ่นมีก็คือ ความสวย และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้หนุ่มหลายคนหน้ามืดตามัวมาติดพันเธอ

ยี่สุ่นใช้คำตะลบตะแลงและมารยาหลายร้อยเล่มเกวียนในการคบหากับชายหนุ่มหลายคนพร้อมกัน ไม่นานนักเมื่อชายหนุ่มเหล่านั้นรู้ความจริงก็พากันตีตัวออกห่างและป่าวประกาศถึงความปลิ้นปล้อนตอแหลของยี่สุ่น ปากต่อปากของชาวบ้านทำให้เรื่องของยี่สุ่นกระจายไปทั่วเมือง ไม่มีใครอยากคบหากับยี่สุ่นอีกต่อไป

ยี่สุ่นกลุ้มใจไม่รู้จะทำอย่างไรจึงไปบนบานศาลกล่าวขอคู่ครองต่อจอมปลวกศักดิ์สิทธิ์ท้ายหมู่บ้าน โดยให้คำสาบานว่าจะไม่ปลิ้นปล้อนตอหลดตอแหลกับใครอีก และเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ ยี่สุ่นได้สาบานต่อไปอีกว่า หากตนผิดคำสาบานก็ขอให้ลงโทษตนให้ผู้คนสาปแช่งตลอดไป

ด้วยความเห็นใจ จอมปลวกศักดิ์สิทธิ์จึงเนรมิตชายหนุ่มรูปงามนาม ไกร มาให้ยี่สุ่น ทั้งคู่ต่างอยู่ในศีลในธรรมครองคู่กันอย่างมีความสุขโดยยังชีพด้วยการรักษาชาวบ้านที่เจ็บไข้

ไกรมีตำรายาวิเศษที่เทพารักษ์ประจำจอมปลวกให้มา ทำให้เขาสามารถรักษาโรคได้ทุกโรคอย่างมีประสิทธิผล ในที่สุดเขาก็ถูกเรียกตัวไปเป็น หมอหลวง และได้รับพระราชทานยศเป็น หลวงโอสถพิสดารบันดาลสุข

ภายหลังจากหลวงโอสถพิสดารบันดาลสุขสิ้นลมลง ยี่สุ่นจึงได้รับมอบหมายตำแหน่ง หมอหลวง กลายเป็น ท้าวโอสถรักษ์พิทักษ์โรค โดยที่ยี่สุ่นเองหารู้ไม่ว่า ตำรายาวิเศษนั้นได้สลายไปพร้อมกับลมหายใจของหลวงโอสถเสียแล้ว

ยี่สุ่น หรือ ท้าวโอสถรักษ์พิทักษ์โรค ไม่รู้จะทำเยี่ยงไรจึงได้แต่จ่ายยามั่วตั้วและพูดจากลับกลอกเอาตัวรอดไปวันวัน เมื่อรักษาโรคไม่หายดังก่อน ชื่อเสียงที่สะสมมาจึงเริ่มเน่าเหม็นอีกครั้ง ท้าวโอสถรักษ์พิทักษ์โรคจำต้องซมซานบากหน้าไปพึ่งพาเทพารักษ์จอมปลวก สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าเก่า

ด้วยความโมโหโกรธาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท้าวโอสถรักษ์พิทักษ์โรคไม่ทำตามคำสาบานที่เคยให้ไว้จึงไม่ยอมช่วยเหลือใดใดทั้งสิ้น ท้าวโอสถรักษ์พิทักษ์โรคได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าจอมปลวกเป็นเวลาถึงเจ็ดวัน ความชื้นจากน้ำตาที่หยดลงพื้นก่อให้เกิดดอกเห็ดสีสันมากมายผุดขึ้นตรงหน้า ท้าวโอสถรักษ์พิทักษ์โรคยิ้มรื่น คิดว่า ดอกเห็ดแน่แล้วที่เทพารักษ์ประทานมาให้ตน จึงหอบเอาเห็ดสีสวยกองโตเหล่านั้นกลับไปรักษาคนป่วยไข้อีกครั้ง

เห็ดดอกแล้วดอกเล่าถูกแจกจ่ายออกไป แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดหายจากโรค มีแต่ตายวันตายพรุ่งเพิ่มขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด ไม่นานนักยี่สุ่นก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งท้าวโอสถรักษ์พิทักษ์โรค กลายเป็นยี่สุ่นคนเดิมที่ชาวบ้านเกลียดชัง

อย่างไรก็ตามเมื่อยี่สุ่นสิ้นลมลงด้วยโรคตรอมใจในเวลาต่อมา เห็ดของท้าวโอสถรักษ์พิทักษ์โรค ก็ยังคงถูกชาวบ้านกล่าวขานสาปแช่งไม่มีที่สิ้นสุด เฉกเช่นเดียวกับยี่สุ่นที่ได้รับการสาปแช่งตลอดไปสมดั่งคำที่เคยสาบาน

นับแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อผู้คนนึกถึงคำปลิ้นปล้อน ตะตบตะแลง โกหก ตอหลด ตอแหล น่ารังเกียจ และไม่น่าคบหา ชื่อของยี่สุ่น และเห็ดท้าวโอสถรักษ์พิทักษ์โรค จึงเป็นชื่อแรกที่ทุกคนนึกถึงและเอ่ยขานตลอดไป.





January 26, 2007

ทิศทางปี ๒๕๕๐



ผ่านปีใหม่มาจนจะครบเดือน แต่ฉันก็ยังไม่ได้วางแผนสำหรับปีนี้อย่างเอาจริงเอาจังเลย ว่าแล้วก็เอาซะหน่อย สิ้นปีจะได้มี ‘เช็คลิสต์’ กะเค้าว่าทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง เพื่อว่าจะได้มีกำลังใจพิทักษ์โลกในปีถัด ถัดไป



-๑-
ทำในสิ่งที่รัก รักในสิ่งที่ทำ
ตั้งแต่จบมาไม่ถึงปี ฉันก็เปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่รู้เพราะโง่หรือฉลาดเกินไปถึงได้เลือกงานซะเหลือเกิน เริ่มตั้งแต่ฝึกงานซึ่งอาจเรียกได้เต็มปากว่า “ทำงาน” กับสองบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านซิทคอมของประเทศไทย ตอนเรียนมหา’ลัยก็อยากหนักอยากหนา อยากเป็นคนเขียนบทซิทคอม เอาเข้าจริงแม้ใจจะยังรักงานที่ทำแต่ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่พิลึกลั่นก็ทำให้ฉันแตกพ่ายไม่เป็นกระบวนท่า อพยบหลบหนีไปซบอกบริษัทเคเบิ้ลยักษ์ใหญ่ (ใหญ่อีกแล้ว) ซึ่งมีวัฒนธรรมและสังคมอบอุ่น เป็นกันเอง แต่ความต้องการของมนุษย์หามีจำกัดไม่ หลังจากตระหนักได้ว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อื่นเสนอเงินเดือนให้ฉันมากกว่าครึ่งต่อครึ่งของที่นี่ แถมโปรโมชั่นพิเศษ ที่พักสุดหรู รถรับส่งส่วนตัว เบิกค่าน้ำมัน ค่าทางด่วนได้ พร้อมอื่น อื่นอีกมากมาย ความโลภก็เข้าครอบงำ ฉันตัดสินใจย้ายไปทำงานด้านสื่อและธุรกิจต่างประเทศแถวฉะเชิงเทรา และที่นั่นก็ทำให้ฉันถ่องแท้ในคำกล่าวที่ว่า “เงินไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถ้าใจไม่รักในงานที่ทำ” ฉันจึงตัดสินใจอีกหน แถนั่นแถนี่กับเจ้านายขอลาออก หลังจากนั้นก็ใช้เวลาขบคิดอยู่กับตัวเองถึงสองเดือนเต็ม ค้นหาจนพบว่าตนเองอยากลองของกับอาชีพ “เวดดิ้ง เพลนเนอร์” – เดือนที่จะถึงนี้ กุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรัก นับเป็นฤกษ์ดีที่ฉันจะได้เริ่มงานกับ ‘ชาร์แดงเดอลามูร์’ สตูดิโอแต่งงานสไตล์ฝรั่งเศส แน่นอนว่าคงจะต้องรอดูต่อไปว่าสิ้นปีนี้ฉันจะยังคงทำงานอยู่ที่เก่า และรู้สึก ‘ใช่’ ในงานที่ทำหรือยัง



-๒-
บ้านเจ้าคุณพ่อ
ความตั้งใจที่จะต้องทำให้ได้ในปีนี้คือ กลับไปเยี่ยมบ้านเจ้าคุณพ่อที่ชุมพรซักครั้ง ไหน ไหนก็หายเคืองกันแล้ว ขืนไม่ไปมีหวังมรดกร้อยล้าน ที่ดินอีกพันไร่ ได้กลายเป็นที่สาธารณะประโยชน์แน่ เอ้ย! ไม่ใช่ ขืนไม่ไปมีหวังได้ตัดขาดกันอีกรอบแน่ ดังนั้นจึงต้องไป ต้องไป



-๓-
ยอมอดเพื่ออ่าน
ไม่ว่าจะยากจนข้นแค้นเท่าไหร่ จะตกงาน หรือจะได้งานเงินเดือนน้อยนิด หรืออย่างไรก็ตามแต่ เป็นตายร้ายดียังไงก็จะตะบี้ตะบันซื้อหนังสือมาอ่านต่อไป เอาน่า อย่างน้อย น้อยที่สุด เดือนละหนึ่งเล่มก็ยังดี



-๔-
โซฟา : เพราะว่าเราห่างไกลกันเหลือเกิน
ตั้งแต่ซื้อบ้านใหม่ที่สัตหีบมาได้จะครบปีก็ยังไม่มีวี่แววว่าห้องนอนของฉันจะตบแต่งเสร็จซะที และคาดว่ามันจะค้างเติ่งแบบนี้ไปเรื่อย เรื่อย เริ่มตั้งแต่สีห้องที่ยังไม่ถูกใจซักเท่าไรนัก ทำให้อยากเปลี่ยนใหม่เป็นกำลัง ผ้าม่านที่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ ไฟผนังที่อยากได้เพิ่ม ชั้นวางทีวี ชั้นวางหนังสือ ล้วนแล้วแต่ยังไม่ได้ถูกนำมาจัดเรียงไว้ในห้อง รวมถึงโซฟานั่งเล่น ที่ยังไง้ ยังไง ห้องนอนของฉันก็จะต้องมีให้ได้ เพื่อสนองตัณหาของตัวเอง เอาล่ะ ตั้งเป้า ล็อคจุดหมาย อย่างอื่นไม่ค่อยสนเท่าไหร่ แต่เรื่องโซฟานี่สู้ขาดใจ ตามหาที่ถูกใจต่อไปนะไอ้มดแดง!



-๕-
โสด แอนด์ เดอะ ซิตี้
ไม่ว่าใครจะค่อนแคะว่าหาคนรักไม่ได้หรือว่าฉันขวางโลก ฉันก็จะยังคงนโยบายเดิม คือ ครองความโสดต่อไป สุขนิยมแบบอิสระเท่านั้นที่ฉันต้องการ สมัยอยู่ประถมเจ้าคุณพ่อเคยพูดให้ฟังว่า ‘ถ้าไม่แต่งงาน อายุสี่สิบจะเริ่มสบายและรวย” ไม่รู้ว่าท่านแฝงความนัยอะไรบางอย่างไว้หรือเปล่า แต่ฉันก็ยึดถือและเชื่อมาตลอดว่าถ้าฉันทำตามนี้ อย่างน้อยฉันก็จะสบายใจและร่ำรวยความสุข ต่อให้สกุล ‘ณ ธรรม’ จะสิ้นสุดลงที่ฉันก็ช่างปะไร ใครจะสน


-๖-
ร่างกายฟิต พิชิตโรคภัย
ข้อนี้ดูเหมือนจะทำได้ยากที่สุด แต่ฉันก็จะพยายาม โปรแกรมที่ตั้งไว้ให้ตัวเองสำหรับปีนี้คือ
- นอนไม่เกินตีหนึ่ง
- ตื่นไม่เกินเที่ยงวัน
- กินข้าวอย่างน้อยวันละสองมื้อน
- ซิทอัพอย่างต่ำวันละห้าสิบครั้ง
- ออกกำลังกายที่สวนสาธารณะอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง
เริ่มแก่แล้วก็ต้องรักษาสุขภาพให้มากขึ้น จะมาเรื่อย เรื่อย เปื่อย เปื่อย อย่างเมื่อก่อนคงไม่ได้ ใครสนใจไปสวนสาธารณะด้วยกันลงชื่อทิ้งไว้ หรือโทร หนึ่ง เก้า ศูนย์ ศูนย์ - หนึ่ง เก้า ศูนย์ ศูนย์ เรียก คิวว์ เพื่อตกลงวันเวลา ฉันแน่ใจว่าไปหลายคนย่อมจูงใจมากกว่าไปคนเดียวแน่นอน


-๗-
ใบขับขี่ ขอมีหน่อยเหอะ
แม้ว่าจะไม่มีแผนที่จะซื้อรถในปีสองปีนี้ แต่ทำใบขับขี่ไว้หน่อยคงไม่เสียหายอะไร เผื่อฉุกเฉินมาอาจต้องใช้ มีเกินไว้ยังไงก็ดีกว่าขาด


-๘-
ตีรันฟันคุด
ผลัดผ่อนไม่ยอมผ่าฟันคุดมานานเกินสองปี ด้วยเหตุผล ‘กลัวเจ็บ’ ตอนนี้ฟันเริ่มออกอาการผุ ขืนปล่อยข้ามไปอีกปี รู้ตัวอีกทีคงผุหมดปาก


-๙-
คืนกำไรสู่สังคม
ไม่นับรวมการให้เงินวณิพกบ้างตามสมควร ปีนี้จะพยายามช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคมให้มากที่สุด อาจจะเป็นการไปช่วยเหลือคนตาบอดบ้าง เด็กถูกทอดทิ้งบ้าง อะไรก็ว่ากันไป ที่สำคัญจะปฏิบัติตามสโลแกนเดิมต่อไป ‘จงทำความดี อย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง’ ฟังดูเป็นคนดีเน้อ



เก้าข้อก็คงจะพอมั้งนะสำหรับทิศทางในปีนี้ ส่วนเป้าหมายอื่น อื่น ก็ถือซะว่าเป็นกำไรระหว่างปีละกัน ป่าวประกาศ มีพยานขนาดนี้ ถ้าทำไม่ได้จะอายเค้ามั้ยเนี่ยกู



จบเลยละกัน
สวัสดี


January 12, 2007

ระวังหมดอายุ


-๑-
สามสี่เดือนที่แล้ว
โฆษณาตัวหนึ่งได้ทำให้วลี “ระวังหมดอายุ” เป็นที่ติดปากของคนไทย
วันนั้น ..
ฉันเริ่มสงสัย

หรือว่าทุกอย่างมีวันหมดอายุ?


-๒-

วันหนึ่ง
แม่บอกว่า
ชอบเลือกซื้อหมูเนื้อแดงที่ตลาดสดมากกว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างหรู
แม่บอก หมูตลาดสดไม่มีวันหมดอายุ


-๓-
วันนี้
ฉันยังสงสัย
นอกจากหมูไม่ติดฉลากแล้ว
มีอะไรอีกบ้างที่ไม่มีวันหมดอายุ
หมา แมว มีวันหมดอายุ?
ปลาทอง มีวันหมดอายุ?
หอยดอง มีวันหมดอายุ?
เห็ดสด มีวันหมดอายุ?
รถถัง มีวันหมดอายุ
กะละมัง มีวันหมดอายุ?
อาบัง มีวันหมดอายุ?
ตับเป็ด มีวันหมดอายุ?
.อะไร อะไร ต่างก็มีวันหมดอายุ?
แล้วความฝันล่ะ ถ้าเดินไปไม่ถึงซักที จะมีวันหมดอายุไหม?


-๔-
ถ้าไม่มีฝัน ชีวิตนี้จะมีอยู่เพื่ออะไร
ฝันของฉันไม่มีฉลากแปะบอกวันหมดอายุเหมือนหมูในห้างหรู
แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะหมดอายุลงเมื่อไหร่
ฉันกลัว
กลัวความฝันของตัวเองจะหมดอายุดั่งเพลงว่า
ใครรู้จักที่ต่ออายุ วานแจ้งที
จะไปทำเรื่องต่ออายุแบบตลอดชีพ
ไม่อยากหลอนกับวลี
....ร้าวังหมดอายุ...



สวัสดี